สำหรับลูกวัย 1-3 ปี นมสูตร 3 เพื่อพัฒนาสมอง สร้างภูมิคุ้มกัน

[Administrator]

   
สำหรับในปัจจุบันนั้นเราต้องยอมรับว่าการผลิต นมผงสำหรับเด็ก มีการปรับปรุงสูตรต่างๆขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการที่เราจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ นมผงเด็ก ให้กับลูกๆนั้นเราก็จำเป็นที่จะต้องดูในเรื่องของโภชนาการในการรับรองกันด้วยว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีมาตรฐานการรับรองจากหน่วยงานที่ควบคุมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในเรื่องนี้กันก่อน นอกจากนี้แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเลยก็คือการที่เราจำเป็นจะต้องดูกันก่อนว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสำหรับเด็กในช่วงอายุที่เราต้องการนำไปให้เขาดื่มได้หรือไม่

ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กมันจะมีการกำหนดในช่วงของอายุการดื่มกันด้วยว่าเด็กในอายุเท่าไหร่สามารถที่จะดื่มผลิตภัณฑ์นั้นๆได้ โดยพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุนั้นก็จะมีความจำเป็นที่จะต้องการได้รับสารอาหารแตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าหากว่าเด็กๆนั้นอยู่ในช่วงอายุ 1 ปีนั้นเราก็ควรที่จะใช้นมสำหรับเด็ก 1 ปี

แต่ถ้าหากว่าเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีนั้นควรที่จะต้องใส่ใจในเรื่องของนมผงเด็กในการที่จะเอามาให้เด็กๆดื่ม เพราะในช่วงอายุของเด็กประมาณนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับโภชนาการทางสารอาหารอย่างครบถ้วนและคล้ายคลึงกับนมแม่เพื่อที่จะเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กๆมีความแข็งแรงแล้วถ้าหากว่าพวกเขานั้นไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงนั้นโตไปหรือในช่วงอายุนี้ก็จะมีอาการเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆและทำให้การเติบโตของเด็กๆนั้นอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น

โดยสารอาหารที่เด็กๆควรจะได้รับในช่วงอายุ 1 ปีนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับกรดโฟลิคเอาไว้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ปกป้องให้เด็กๆนั้นไม่เกิดอาการเจ็บป่วยง่าย รวมถึงการได้รับวิตามินซีนั้นก็เช่นกันที่จะช่วยทำให้เด็กแข็งแรงต่อต้านเชื้อไวรัสได้อย่างที่เราเห็นได้ว่าเวลาที่เราป่วยเป็นหวัด เราจะได้รับวิตามินซีมาให้กินอยู่เสมอเพื่อเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเรานั่นเอง

และสำหรับเพื่อนๆคนไหนก็ตามที่ต้องการจะให้เด็กๆได้ดื่ม นมสำหรับเด็ก 1 ปี เพื่อพัฒนาสมอง สร้างภูมิคุ้มกัน นั้นก็อย่าลืมให้เด็กได้ดื่มนมที่มีวิตามินซี มีกรดโฟลิค หรือแม้กระทั่งวิตามินเอ และบี 12 นั้น ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยทำให้เด็กเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง เมื่อเป็นเป็นเช่นนี้แล้วเราจึงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจในรายละเอียดรอบด้านให้มากขค้นโดยเฉพาะกับพ่อแม่มือใหม่ที่อาจจะยังงงงวยกับสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ ซึ่งในเรื่องของสารอาหารนั้นเราสามารถที่จะดูได้จากอินเตอร์เน็ตหรือการแนะนำเรื่องของสุขภาพเด็กได้ตามโรงพยาบาลหรือศูนย์ที่แนะนำในเรื่องนี้ก็ได้